สัปดาห์ที่ 2 ความต้องการในการออกแบบการเรียนการสอน
ความต้องการในการออกแบบการเรียนการสอน
คิดและคาเรย์ กล่าวว่า
ความต้องการในการออกแบบการเรียนการสอน คือ ความจำเป็นเร่งด่วนทันทีทันใด
โดยยกตัวอย่างว่า นักออกแบบการเรียนการสอนจำนวน 12 คน
ที่ทำงานเกี่ยวกับเตาปฏิกรณ์ปรมาณูในท้องถิ่นต้องมีปริญาทางเทคโนโลยีการเรียนการสอนและต้องรับผิดชอบเพื่อที่จะให้เกิดความแน่ใจในคุณภาพของการเรียนการสอนทุกระดับ
(DISK
AND CARY 1985 : 8)
การประกาศรับสมัครในตำแหน่งดังกล่าวนี้ ได้จัดทำขึ้นโดยบริษัทคู่สัญญาหลังจากเกิดอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ขึ้นที่เกาะทรีไมล์และเชอร์โนบิล
(THREE
MILE AND CHERMOBYL) : ซึ่งแสดงให้เห็นความกดดันเกี่ยวกับคุณภาพการเรียนการสอนที่พบในหลายๆสถานณการณ์
วิธีการหนึ่งพิสูจน์ข้อผูกผันที่มีต่อคุณภาพการเรียนการสอนที่พบในหลายๆสถานการณ์
คือ การผ่านการรับรองในเรื่องของการพัฒนา และการเฝ้าระวังติดตามการเรียนการสอน
การออกแบบการเรียนการสอนเป็นการแก้ปัญหาคุณภาพ การเรียนการสอนในสถานการณ์ต่าง ๆที่หลากหลาย
ในกรณีของเตาปฏิกรณ์ปรมาณู (NUCLEAR POWER PLANTS) มีความต้องการที่ควบคุมการเรียนการสอนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ทั้งทางด้านป้องกันและพยายามที่จะป้องกันอุบัติเหตุสถาบันปฏิบัติการพลังงานนิวเคลียร์และการอุตสาหกรรมใน USA ได้ก่อตั้งองค์กรเพื่อจัดทำนโยบายของตนเองโดยมีมาตรฐานคำสั่งสำหรับโปรแกรมการฝึกอบรมมาตรฐานประกอบด้วยการใช้กระบวนการออกแบบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
สถาบันจะเป็นผู้ประเมินและรับรองการปฏิบัติทางปฏิกรณ์ปรมาณู
และรวมถึงองค์ประกอบของการฝึกอบรมในเรื่องดังกล่าวนี้ด้วย (VANDERGRIFT, 1983)
งานของผู้ออกแบบการเรียนการสอน คือ
นำจุดประสงค์และการเรียงลำดับของจุดประสงค์ไปสู่กระบวนการวางแผนการเรียนการสอนเพื่อนที่จะให้เกิดความแน่ใจที่คุณภาพของการเรียนการสอน
วิธีการในลักษณะนี้จะแล้วเสร็จได้ด้วยการประยุกต์ใช้กระบวนการเชิงระบบ
และการใช้วิจัย และความรู้ทางทฤษฎีจากการออกแบบการเรียนการสอน และจากสาขาวิชาอื่น
ๆ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ จิตวิทยา และศิลปะ (VANDERGRIFT,
1983) ดังข้อสันนิษฐานของกาเย่
บริกส์ และ เวเกอร์ (GANGE,
BRIGGS, AND WAGER ) ที่มีต่อการออกแบบการเรียนการสอนว่า
เป็นวิธีหนึ่งที่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้และมีคุณค่าโดยมีการออกแบบการเรียนการสอนต้องอาศัยคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องดังนี้คือ (1) มีจุดมุ่งหมายที่จะช่วยการเรียนรู้ของปัจเจกบุคคล (2) เป็นแผนระยะสั้นและระยะยาวที่จะมีผลในการพัฒนามนุษย์ (3) ควรดำเดินการด้วยวิธีการเชิงระบบที่สามารถให้ผลอันใหญ่ต่อการพัฒนามนุษย์ และ (4) ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรู้ว่ามนุษย์มีการเรียนรู้อย่างไร (GAGNE, BRIGGS, AND
WAGER, 1992 : 4-5)
ดังนั้นอาจสรุปได้ว่า ความต้องการจำเป็นในการออกแบบการเรียนการสอน
คือ การแก้ปัญหาคุณภาพการเรียนการสอนในสถานการณ์ที่หลากหลาย
เพื่อให้การเรียนการสอนมีคุณภาพด้วยวิธีการเชิงระบบที่ให้ผลอันยิ่งใหญ่ต่อการพัฒนาปัจจัยบุคคล
และมนุษย์โดยทั่วไปและตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรู้ว่ามนุษย์เรียนรู้ได้อย่างไร
นิยามการออกแบบการเรียนการสอน
ริตา ริชชีย์ (Rita Richy, 1986 : 9) ได้นิยามการออกแบบการเรียนการสอนว่าหมายถึงวิทยาศาสตร์การสร้างสรรค์รายละเอียดที่ชี้เฉพาะเพื่อการพัฒนาการประเมินผลและการบำรุงรักษาสถานการณ์
หรือเงื่นไขที่อำนวยความสะดวกให้กับการเรียนรู้ในหน่วยของเนื้อหาวิชา (Unit of subject matter) ทั้งหน่วยใหญ่และหน่วยย่อย การนิยามของริชชีย์เป็นการให้ความกระจ่างกับความสัมพันธ์ของนักวิจัยซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับการออกแบบการเรียนการสอน
แต่เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือบนพื้นฐานของความรู้
ในขณะที่ไชยยศ เรืองสุวรรณ (ไชยยศ, 2553 : 12) ยังได้เสนอกรอบแนวคิดของกระบวนการออกแบบการเรียนการสอนด้วยว่า
มีองค์ประกอบบสี่ประการคือ ผู้เรียน จุดหมาย วิธีสอน และการประเมินผล
โดยตั้งคำถามที่ใกล้เคียงกับคำถามของไทเลอร์ (Tyler, 1974 : 1) คือ
1.จะออกแบบและพัฒนาโปรแกรมนี้ไว้เพื่อใครเป็นการพิจารณาคุณลักษณะผู้เรียนหรือผู้เข้ารับการฝึกอบรม
2.ต้องการให้ผู้เรียน
หรือผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้เรียนรู้อะไร หรือมีความสามารถที่จะทำอะไรได้บ้าง
เป็นการกำหนดจุดหมายของการเรียน
3.ผู้เรียนจะเรียนรู้เนื้อหาวิชาหรือทักษะต่างๆได้ดีที่สุดอย่างไร
เป็นการกำหนดวิธีการสอนและกิจกรรมของการเรียนการสอน
4.จะได้รู้อย่างไรว่า
ผู้เรียนประสบผลสำเร็จในการเรียนรู้ เป็นการกำหนดกระบวนการประเมินผล
ชีลส์ และกลาสไกว์ ได้นิยาม
การออกแบบการเรียนการสอน เป็นทั้งกระบวนการและสาขาวิชา (Process and discipline) ในฐานะที่เป็นกระบวนการจะเป็นการพัฒนาระบบการเรียนการสอน
ในฐานะที่เป็นสาขาวิชา (Discipline of
an area of study) จะเป็นสาขาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและทฤษฎีเกี่ยวกับความเฉพาะเจาะจงในเรื่องของการเรียนการสอนและกระบวนการพัฒนาความเฉพาะเจาะจงนั้นๆ
การออกแบบการเรียนการสอนมีขอบเขตตั้งแต่หน่วยหรือชุด (Module) บทเรียน (Lesson) หรือประสบการณ์ระดับเล็กๆ น้อยๆ
ที่ได้จากหลักสูตรหรือสิ่งแวดล้อมไปจนถึงระดับใหญ่ๆ
คุณลักษณะสำคัญสี่ประการของการออกแบบการเรียนการสอนคือ 1. เนื้อหาวิชาที่เลือกมาจากข้อมูลในสาขาวิชานั้นๆ 2. ยุทธวิธีการเรียนการสอนที่อยู่บนพื้นฐานของการวิจัยและทฤษฎี 3.ข้อมูลการทดสอบที่อยุ่บนพื้นฐานของมาตรฐานการปฎิบัติ และ 4. เทคโนโลยีที่ใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและราคา(Seels and Glassgow, 1990 : 4)
กาเย่
บลิกส์และวาเกอร์ (Gagne, Briggs and Wager 1992 : 20) ได้ให้ความหมายของการออกแบบการเรียนการสอนเป็นการจัดทรัพย์กรและวิธีการที่ใช้ในการส่งเสริมการเรียนรู้
ระบบการเรียนการสอนมีรูปแบบเฉพาะที่หลากหลายและเกิดขึ้นในหลายสถาบัน เช่น
โรงเรียนมัธยมศึกษา ระบบการเรียนการสอนจะเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
การออกแบบระบบการเรียนการสอน (instructional systems design) เป็นกระบวนการเชิง
ระบบของการวางแผนระบบการเรียนการสอนและการพัฒนาการเรียนการสอน (instructional development) เป็นกระบวนการของการนําแผนไปใช้
เมื่อรวมหน้าที่ทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน ก็จะ
กลายเป็นองค์ประกอบของเทคโนโลยีการเรียนการสอน (instructional technology) ซึ่งเป็นคําที่กว้าง กว่าระบบการเรียนการสอน และอาจนิยามได้ว่า
เป็นการประยุกต์ระบบของทฤษฎีและความรู้ที่ใช้ใน ภาระงานของการออกแบบการเรียนการสอนและการพัฒนาเทคโนโลยีการสอน
หมายรวมถึงคําถาม ที่เป็นความรู้ใหม่เกี่ยวกับว่า บุคคลเรียนรู้อย่างไร
และจะออกแบบระบบการเรียนการสอน หรือวัสดุ อุปกรณ์อย่างไรจึงจะดีที่สุด
อาจสรุปได้ว่า การออกแบบการเรียนการสอน หมายถึง
กระบวนการแก้ปัญหาการเรียนการสอนโดยวิเคราะห์สถานการณ์
หรือเงื่อนไขการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ แล้วจึงวางแผนการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ
เพื่อให้จัดการการเรียนการสอนบรรลุจุดมุ่งหมาย โดยอาศัยความรู้จากหลายๆทฤษฎี เช่น
ทฤษฎีการเรียนรู้ ทฤษฎีการสอน ทฤษฎีการติดต่อสื่อสาร ตลอดจน
ทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์
ประโยชน์ของการออกแบบการเรียนการสอน
การลงทุนที่ประสบผลสำเร็จ หมายถึงการที่ผู้เกี่ยวข้องทุกคนได้ประโยชน์หากเปรียบเทียบกับการทำงานทางธุรกิจแล้ว ประโยชน์ย่อมหมายถึงกำไร เจ้าของกิจการได้กำไร ลูกค้าพอใจในราคา คุณภาพ และบริการ คนงานและลูกจ้างได้รับค่าจ้างแรงงานที่เหมาะสม และมีความรู้สึกที่ดีต่อบริษัท ในทำนองเดียวกัน นักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการเรียนการสอนย่อมได้ประโยชน์จากการเรียนการสอนไม่มากก็น้อย ดังที่ ไชยยศ เรืองสุวรรณ ได้กล่าวว่า
1.ผู้บริหารหรือผู้จัดการโปรแกรมการศึกษาและการเรียนการสอนย่อมต้องการความมั่นใจในประสิทธิภาพ และประสิทธิภาพของการเรียนโดยใช้งบประมาณประหยัดที่สุด
2. นักออกแบบการสอน ย่อมต้องการความมั่นใจว่า โปรแกรมที่ออกแบบไว้เป็นโปรแกรมที่น่าพอใจ ซึ่งบ่งชี้ที่สำคัญในความพอใจก็คือผู้เรียนามารถเรียนรู้ได้ในเวลาที่เหมาะสม
3. ครูผู้สอนย่อมต้องการที่จะเห็นผู้เรียนได้รับความรู้ ความสามารถอื่นๆ ที่จำเป็น รวมทั้ง ต้องการมีวามสัมพันธ์ที่ดีกับผู้เรียน
4.ผู้เรียนต้องการความสำเร็จในการเรียน ได้รับประสบการณ์การเรียนด้วยความสนุกสนานและพอใจ (ไชยยศ, 2533 : 14)
การประเมินผลเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน จะทำให้ทั้งผู้สอนและผู้เรียนปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ เพราะการประเมินผลเพื่อการประเมินผลเพื่อปรับปรุการเรียนการสอนอาศัยการประเมินตัวต่อตัว ประเมินกลุ่มย่อยและการทดลองภาคสนาม การออกแบบการเรียนการสอนจะทำให้การประเมินในลักษณะดังนี้มีความชัดเจนขึ้น และการประเมินแบบอิงเกณฑ์ โดยประเมินผู้เรียนแต่ละคนเปรียบเทียบกับเกณฑ์กับมาตรฐานที่กำหนดไว้ หรือเปรียบเทียบจุดประสงค์ ในลักษณะนี้จะทำให้ผู้เรียนเรียนด้วยความร่วมมือกันมากขึ้นที่จะแข่งขันกัน เพราะการสร้างสถานการณ์ในชั้นเรียน หรือในสถานศึกษาให้ผู้เรียนด้วยความร่วมมือกันนั้นย่อมมีประโยชน์ต่อผู้เรียนมากกว่าการสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนเกิดการแข่งขันกัน นอกจากนี้ยังเป็นการเพราะนิสัยที่พึงปรารถนา ให้แก่ผู้เรียน เพราะหากจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันเป็นพื้นฐานแล้วผู้เรียนจะติดนิสัยการให้ความร่วมมือกับผู้อ่านในภายหน้าจะทำให้สังคมได้เยาวชน นักการเมืองและผู้ประกอบวิชาชีพในสาขาต่างๆที่เห็นแก่ส่วนร่วมมีความเป็นประชาธิปไตย ยอมรับความคิดเห็นและปฎิบัติตามมติของกลุ่ม ซึ่งการออกแบบการเรียนการสอนจะสนองความต้องการของผู้เรียนผู้สอนในจุดนี้ได้ด้วยการวางแผนออกแบบการเรียนการสอนที่สมบูรณ์ (กาญจนาและลัดลา, 2537)
การประเมินผลเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน จะทำให้ทั้งผู้สอนและผู้เรียนปรับปรุงตนเองอยู่เสมอ เพราะการประเมินผลเพื่อการประเมินผลเพื่อปรับปรุการเรียนการสอนอาศัยการประเมินตัวต่อตัว ประเมินกลุ่มย่อยและการทดลองภาคสนาม การออกแบบการเรียนการสอนจะทำให้การประเมินในลักษณะดังนี้มีความชัดเจนขึ้น และการประเมินแบบอิงเกณฑ์ โดยประเมินผู้เรียนแต่ละคนเปรียบเทียบกับเกณฑ์กับมาตรฐานที่กำหนดไว้ หรือเปรียบเทียบจุดประสงค์ ในลักษณะนี้จะทำให้ผู้เรียนเรียนด้วยความร่วมมือกันมากขึ้นที่จะแข่งขันกัน เพราะการสร้างสถานการณ์ในชั้นเรียน หรือในสถานศึกษาให้ผู้เรียนด้วยความร่วมมือกันนั้นย่อมมีประโยชน์ต่อผู้เรียนมากกว่าการสร้างสถานการณ์ให้ผู้เรียนเกิดการแข่งขันกัน นอกจากนี้ยังเป็นการเพราะนิสัยที่พึงปรารถนา ให้แก่ผู้เรียน เพราะหากจัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือกันเป็นพื้นฐานแล้วผู้เรียนจะติดนิสัยการให้ความร่วมมือกับผู้อ่านในภายหน้าจะทำให้สังคมได้เยาวชน นักการเมืองและผู้ประกอบวิชาชีพในสาขาต่างๆที่เห็นแก่ส่วนร่วมมีความเป็นประชาธิปไตย ยอมรับความคิดเห็นและปฎิบัติตามมติของกลุ่ม ซึ่งการออกแบบการเรียนการสอนจะสนองความต้องการของผู้เรียนผู้สอนในจุดนี้ได้ด้วยการวางแผนออกแบบการเรียนการสอนที่สมบูรณ์ (กาญจนาและลัดลา, 2537)
แบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนโดยทั่วไป
ออกแบบการเรียนการสอนนำความรู้จากสาขาวิชามาประยุกต์เข้าด้วยกันเป็นขั้นตอนกระบวนการเชิงระบบเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน โดยพื้นฐานแล้ววิธีการเชิงระบบกำหนดให้ต้องระบุว่า จะเรียนอะไร วางแผนการสอนว่าจะยอมให้การเรียนรู้อะไรเกิดขึ้น วัดผลการเรียนรู้เพื่อตัดสินว่า การเรียนรู้นั้นบรรลุตามจุดประสงค์หรือไม่และกลั่นกรองตัวสอดแทรก (intervention) จนกระทั่งบรรลุจุดประสงค์ จากลักษณะนี้เองจึงทำให้เกิดแบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไป (generic Instruction Design model : ID model) ขึ้น (Gibbons 1981 : 5, Hannum and hassan, 1989)
แบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไป มีความง่ายในการใช้มาก แจ่ต้องใช้ด้วยความประณีต และปรับปรุงอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามแบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนโดยทั่วไปได้จัดเตรียมการแนะนำขั้นตอนในกระบวนการของการออกแบบไว้อย่างดี แบบจำลองในลักษณะนี้มีความหมายว่าการออกแบบการเรียนการสอนเป็นกระบวนการเชิงระบบที่ประกอบด้วยขั้นตอนทั่วไปเหล่านี้ คือ
1. การวิเคราะห์ (Analysis) ซึ่งเป็นกระบวนการของการระบุว่าอะไรคือสิ่งต้องเรียน
2. การออกแบบ(Design) ซึ่งเป็นกระบวนการของการระบุว่าจะเรียนอย่างไร
3. การพัฒนา (Development) เป็นกระบวนการของการจัดการและการผลิตวัสดุอุปกรณ์
4. การนำไปใช้ (Implementation) เป็นกระบวนการของการกำหนดโครงการในบริบทของโลกแห่งความเป็นจริง
5. การประเมินผล (Evaluation) เป็นกระบวนการของการตัดสินตกลงใจต่อความเพียงพอของการเรียนการสอน
1. การวิเคราะห์ (Analysis) ซึ่งเป็นกระบวนการของการระบุว่าอะไรคือสิ่งต้องเรียน
2. การออกแบบ(Design) ซึ่งเป็นกระบวนการของการระบุว่าจะเรียนอย่างไร
3. การพัฒนา (Development) เป็นกระบวนการของการจัดการและการผลิตวัสดุอุปกรณ์
4. การนำไปใช้ (Implementation) เป็นกระบวนการของการกำหนดโครงการในบริบทของโลกแห่งความเป็นจริง
5. การประเมินผล (Evaluation) เป็นกระบวนการของการตัดสินตกลงใจต่อความเพียงพอของการเรียนการสอน
เกียวกับระบบการเรียนการสอนนี้ แฮนนัมและบริกส์ (Hannum and Briggs) ได้เปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิม และการเรียนการสอนเชิงระบบ ดังรายละเอียดในตารางที่ 1
ในการออกแบบการเรียนการสอน กระบวนการมีความสำคัญพอๆ กับผลิต เพราะว่า ความเชื่อมั่นในผลิตผลจะขึ้นอยู่กับกระบวนการ ในการที่จะมีความเชื่อมั่นในผลิตผล ต้องดำเนินตามขั้นตอนของแบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอน สำหรับในแต่ละขั้นตอนนั้น ลำดับขั้นตอนของแบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอน สำหรับในแต่ละขั้นตอนนั้น ลำดับขั้นของภาระงานจะต้องแสดงออกมา และผลที่ได้รับที่มีความเฉพาะเป็นพิเศษก็จะเกิดขั้นดังรายละเอียดในตารางที่ 2
ตารางที่ 1 เปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมกับการเรียนการสอนเชิงระบบ
ตารางที่ 1 เปรียบเทียบการเรียนการสอนแบบดั้งเดิมกับการเรียนการสอนเชิงระบบ
องค์ประกอบของการเรียนการสอน
|
การเรียนการสอนแบบดั้งเดิม
|
การเรียนการสอนเชิงระบบ
|
1. กำหนดเป้าประสงค์(Setting goals)
|
* ตำราหลักสูตรดั้งเดิมการอ้างอิงภานใน
|
*การประเมินความต้องการจำเป็น *การวิเคราะห์งาน *การอ้างอิงภายนอก
|
2. จุดประสงค์(Objectives)
|
*กล่าวในรูปของผลที่ได้รับรวมๆหรือการปฎิบัติของครู *เหมือนกันสำหรับนักเรียนทุกคน
|
*จากการประเมินความต้องการจำเป็นการวิเคราะห์/การประเมินงาน
*เลือกด้วยการพิจารณาจาก *ความสามารถของผู้เรียนเมื่อแรกเข้าเรียน |
3. จุดประสงค์ในความรู้เฉพาะของผู้เรียน (Student’s knowledge of objectives)
|
* ไม่ได้รับการบอกกล่าวล่วงหน้าต้องใช้สัญญาณจากการฟังคำบรรยายและการอ่านตำรา
|
*บอกกล่าวอย่างเฉพาะเจอะจงเป็นพิเศษล่วงหน้าก่อนเรียน
|
4. ความสามารถก่อนเข้าเรียน
|
*ไม่ต้องใส่ใจ นักเรียนทุกคนมีจุดประสงค์และวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมเหมือนกันหมด
|
*การพิจารณา *การกำหนดวัสดุอุปกรณ์/กิจกรรมแตกต่างกัน
|
5. ผลสัมฤทธิ์ที่คาดหวัง(Expected achievement)
|
*ใช้โค้งมาตรฐาน
|
*มีความเป็นแบบอย่างเดียวกันสูง
|
6. ความรอบรู้ (Masstery)
|
*นักเรียนส่วนน้อยรอบรู้จัดประสงค์ทั้งหมด
*รูปแบบผิดพลาด |
*นักเรียนส่วนใหญ่รอบรู้จุดประสงค์ทั้งหมด
|
7. ค่าระดับและการเลื่อนระดับ(Grading and promotion)
|
*อยู่บนพื้นฐานการเปรียบเทียบกับนักเรียนคนอื่นๆ
|
*อยู่บนพื้นฐานการรอบรู้จุดประสงค์
|
8. การสอนเสริม(Remediation)
|
*บ่อยครั้งที่ไม่มีการวางแผน
*ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจุดประสงค์หรือวิธีการสอน |
*วางแผนสำหรับนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือปสวกหาจุดประสงค์อื่น
|
9. การใช้แบบทดสอบ
|
*กำหนดค่าระดับ
|
*เฝ้าระวังติดตามความก้าวหน้าของผู้เรียน *ตัดสินความรอบรู้ *วินิจฉัยความยากลำบาก *ปรับปรุงการเรียนการสอน
|
10. เวลาศึกษากับความรู้(Stidy time vs mastery)
|
*เวลาคงที่ : ระดับของความรอบรู้หลากหลาย แตกต่างกัน
|
*ความรอบรู้คงที่ : เลาหลากหลายแตกต่างกัน
|
11. การตีความของความล้มเหลวที่จะไปให้ถึงความรู้(Interprettion of failure to reach mastery)
|
*นักเรียนผู้สงสาร
|
*มีความต้องการจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงการเรียนการสอน
|
12. การพัฒนารายวิชา(Course of development)
|
*เลือกวัสดุอุปกรณ์ก่อน
|
*ระบุจุดประสงค์ก่อนแล้ว
|
13. ลำดับขั้นตอน(Sequence)
|
*อยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและสังเขปหัวเรื่อง
|
*อยู่บนพื้นฐานของสิ่งที่ต้องรู้ก่อนตามความจำเป็น และหลักการของการเรียนรู้
|
14. การปรับปรุงการเรียนการสอนและวัสดุอุปกรณ์(Revision of instructional and materials)
|
*อยู่บนพื้นฐานของการคาดเดางานหรือความเพียงพอของ
*วัสดุอุปกรณ์ใหม่ *เกิดขึ้นเป็นพัก |
*อยู่บนพื้นฐานของการประเมินข้อมูล *เกิดขึ้นเป็นประจำ
|
15. กลยุทธ์การเรียนการสอน(Instructional Strategies)
|
*พอใจให้ผ่านได้อย่างกว้างๆ
*อยู่บนพื้นฐานของความชอบและความคล้ายครึง |
*เลือกที่จะได้รับตามจุดประสงค์ *ใช่ยุทธวิธีที่หลากหลาย *อยู่บนพื้นฐานของทฤษฎีและการวิจัย
|
16. การประเมินผล(Evaluation)
|
*บ่อยครั้งที่ไม่เกิดขึ้น : กสรวางแผนเชิงระบบมีน้อย
*ประเมินแบบอิงกลุ่ม ข้อมูลได้จากปัจจัยนำเข้าและกระบวนการ |
*การวางแผนเป็นระบบ : เกิดขึ้นประจำ
*ประเมินความรอบรู้ตามจุดประสงค์ *ประเมินผลอิงเกณฑ์ข้อมูลได้จากผลที่ได้รับ (ผลผลิต) |
ที่มา : W.H. Hannum and leslir j. Briggs, “How dose Instructional Systems Design Differ from rraditional,” Educational Technology 22 : 12-13 } 1982
ตารางที่ 2 งานและผลผลิตของกระบวนการออกแบบการเรียนการสอน
ขั้นตอนและภาระงาน
|
ตัวอย่างภาระงาน
|
ตัวอย่างผลผลิต
|
การวิเคราะห์-กระบวนของการนิยามว่าต้องเรียนอะไร
|
*ประเมินความต้องการจำเป็น *ระบุปัญหา *วิเคราะห์งาน
|
*แฟ้มผู้เรียน *การพรรณนาข้อจำกัด *คำกล่าวของความต้องการจำเป็นและปัญหา *การวิเคราะห์ภาระงาน
|
การพัฒนา-กระบวนการของการชี้เฉพาะว่าจะเรียนอะไร
|
*เขียนจุดประสงค์ *พัฒนารายการของแบบทดสอบ *วางแผนการเรียนการสอน *ระบุแหล่งทรัพยากร
|
*จุดประสงค์ที่วัดได้กลยุทธ์การเรียนการสอน *ลักษณะเฉพาะของตัวแบบ(Prototype specification)
|
การพัฒนา-กระบวนการของหน้าที่และผลิตวัสดุอุปกรณ์
|
*ทำงานกับผู้ผลิต *พัฒนาคู่มือ แผนภูมิ โปรแกรม
|
*สตอรี่บอร์ด (Story board) *สคริป *แบบฝึกหัด *คอมพิวเตอร์ช่วยการเรียนการสอน
|
การนำไปใช้-กระบวนการของการก่อตั้งโครงการในบริษัทแห่งโลกแห่งความเป็นจริง
|
*การฝึกอบรมครู *การทดลอง
|
*การให้ความเห็นของนักเรียนข้อมูล
|
การประเมินผล-กระบวนการของการตกลงใจเกี่ยวกับความคิดเห็นผลของการเรียนการสอน
|
*บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเวลา *ผลการแปลความแบบทดสอบ *สำรวจผู้สำเร็จการศึกษา *ทบทวนกิจกรรม
|
*คำรับรอง(recommentdation)
*รายงานโครงงาน *ทบทวนตัวแบบ |
ที่มา : Barbara Seels, and Zita Glasgow, Exercises in instructional Design (Columbus, Ohio) Merrill Publoshing Company, 1990), p. 8.
บทบาทของผู้ออกแบบการเรียนการสอน
บทบาทของผู้ออกแบบการเรียนการสอน (designer's role) สามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่นำเสนอว่าต้องอาศัยเทคนิค หรือไม่ต้องอาศัยเทคนิค และขึ้นอยู่กับส่วนประกอบของทีมการออกแบบ เนื้อหาที่ต้องใช้เทคนิคสูง ผู้ออกแบบจำเป็นต้องให้คำแนะนำในการออกแบบกับผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา (content expert) ถ้าเนื้อหานั้นไม่ต้องใช้เทคนิคที่สูงมากนักจนเกินไปผู้ออกแบบก็สามารถจัดทำได้อย่างอิสระมากขึ้นด้วยความช่วยเหลือของผู้ชำนาญการด้านเนื้อหาผู้ออกแบบสามารถที่จะทำงานเป็นผู้ให้คำปรึกษาจากภายนอก และรับผิดชอบภาพระงานทั้งหมดเหมือนกับเป็นคนในสำนักงาน (in-house employers) ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา บทบาทของผู้ออกแบบสามารถมีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความสำพันธ์ที่มีต่อผู้ชำนาญการด้านเนื้อหาวิชา ดังตัวอย่างทั้งสาม (Seels and Glassgow, 1990 : 7-9)
1. ผู้ชำนาญการด้านเนื้อหาและมีสมรรถภาพในการออกแบบการเรียนการสอนและเทคโนโลยี และเป็นผู้ที่รู้บทบาทของการออกแบบด้วยไม่จำเป็นต้องอาศัยความช่วยเหลือด้านความรู้ความชำนาญทางเนื้อหาวิชา
2. ผู้ออกแบบการเรียนการการสอน ที่ได้รับการร้องขอให้ทำงานในด้านเนื้อหาที่อาจจะมีความคุ้นเคย แต่ผู้ออกแบบยังคงรู้สึกมีความจำเป็นที่จะทำงานกับผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา
3. ผู้ออกแบบอาจจะได้รับการร้องขอให้พัฒนาหรือวิจัยในด้านเนื้อหาที่ไม่มีความคุ้นเคย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกและทำงานกับผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาจำนวนมาก
ตารางที่ 3 เปรียบเทียบความสนใจและเป้าประสงค์ของผู้วิจัยและผู้ปฎิบัติ
แบบจำลองการออกแบบการเรียนการสอนทั่วไป
|
บทบาทของผู้วิจัย
|
บทบาทผู้ปฎิบัติ
|
ขั้นที่ 1 การวิเคราะห์
|
*ศึกษาวิธีการการระบุปัญหา
*ศึกษาผลของคุณลักษณะของผู้เรียน
*ศึกษาเนื้อหา
|
*ประยุกต์ใช้วิธีการระบุปัญหา
*กำหนดคุณลักษณะของผู้เรียน
*ใช้การวิจัยในเนื้อหาตามสาขาวิชา
|
ขั้นที่ 2 การออกแบบ
|
*ศึกษาตัวแปลในการออกแบบข่าวสาร
*พัฒนากลวิธีการเรียนการสอน
|
*ให้ผู้ปฎิบัติเป็นผู้ออกแบบการเรียนการสอน
|
ขั้นที่ 3 การพัฒนา
|
*ศึกษากระบวนการของทีม
|
*ทำงานกับผู้ผลิตในการพัฒนาสคลิป
|
ขั้นที่ 4การนำไปใช้
|
*ศึกษาชาติวงศ์วรรณาของตัวแปลในสิ่งแวดล้อม
*การระบุตัวแปลของการนำไปใช้ให้ได้ผล
|
*ออกแบบและจัดการสิ่งแวดล้อมและตัวแปลในการเรียนการสอน
|
ขั้นที่ 5 ประเมินผล
|
*ศึกษาข้อถกเถียงที่นำไปสู่การประเมิน
|
*ประยุกต์ทฤษฎีการประเมินผล
|
ที่มา : Barbara Seels, and Zita Glasgow, Exercises in instructional Design (Columbus, Ohio) Merrill Publoshing Company, 1990), p. 8.
สรุปได้ว่า บทบาทของผู้ออกแบบการเรียนการสอนมีได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีต่อผู้ชำนาญการด้านเนื้อหา ผู้ออกแบบการเรียนการสอนมีบทบาทเป็นทั้งนักวิจัยการออกแบบการเรียนการสอน (ID researcher) และนักปฎิบัติการออกแบบการเรียนการสอน (ID practitioner) โดยที่นักวิจัยการออกแบบการเรียนการสอนสนใจศึกษาตัวแปลและพัฒนาทฤษฏีที่สัมพันธ์กับการเรียนการสอนสนใจประยุกต์งานวิจัย และทฤษฏีพัฒนาการเรียนการสอนและวัสดุอุปกรณ์มีบทบาทเป็นผู้รู้ทั่วๆไป (Generalist)
งานและผลิตผลของการออกแบบการเรียนการสอน
งานของผู้ปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอนอาจจะหลากหลายในความต้องการด้านความรู้ความชำนาญ ผลผลิตที่ได้และสถานการณ์ของงาน ผู้ปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอนอาจจะวิเคราะห์ภารังานภายใต้การนิเทศของผู้จัดการโครงการในองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและการพัฒนา ผู้จัดการโครงการอาจจะนำทีมซึ่งพัฒนาการประชุมเชิงปฏิบัติการสามวันสำหรับการอุตสาหกรรม (three-day workshop) การออกแบบไม่จำเป็นต้องเป็นทีมเสมอไปในองค์กรเล็กๆ อาจจะใช้ผู้ออกแบบเพียงคนเดียว ในการทำภาระการออกแบบการเรียนการสอน
1. งานออกแบบ พิสัยของงาน (job) เป็นไปตามสถานการณ์ และระดับที่แตกต่างกันของผู้ชํานาญการ บางครั้งผู้ออกแบบการเรียนการสอนทําหน้าที่เหมือนเป็นผู้ชํานาญการในขั้นตอนหนึ่งของ กระบวนการ ในบางงานเรียกผู้ออกแบบว่าเป็นผู้ปฏิบัติที่มีสมรรถภาพในการดําเนินโครงการตั้งแต่ เริ่มต้นจนสิ้นสุด พิสัยของงานไม่เพียงแค่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ที่มีความเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษแต่บาง งานต้องการระดับความแตกต่างของผู้ชํานาญการ (expertise) ในตารางที่ 6 แสดงให้เห็นถึงระดับของ ผู้ชํานาญการในงานการออกแบบการเรียนการสอน
โดยปกติงานในโรงเรียนรวมถึงหน้าที่ในการออกแบบการเรียนการสอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง ของตําแหน่งอื่นๆ เช่น ผู้นิเทศหลักสูตร (curriculum supervisor) ผู้ชํานาญการด้านสื่อ (media Specialist) นักเทคโนโลยีการเรียนการสอน (instructional technologist)เมื่อเปรียบเทียบกับ สถานการณ์อื่นๆ แล้ว ผลกระทบที่เกิดจากการออกแบบการเรียนการสอนอยู่ในระดับต่ํา
เหตุผลบางประการที่การออกแบบการเรียนการสอนให้ผลกระทบในระดับต่ํา คือ ครูยึดติด กับธรรมชาติดั้งเดิมของโรงเรียน ติดแน่นอยู่กับตารางกําหนดงานประจําวัน การพิจารณาให้ทุนกับ โรงเรียนมีน้อย การที่จะทําให้การออกแบบการเรียนการสอนมีความโดดเด่นขึ้นในสถานการณ์ภายใน โรงเรียนต้องมีการเปลี่ยนแปลงสามประการ คือ 1.ลดจํานวนเวลาที่ใช้โดยครูและนักเรียนในชั้นเรียน แบบดั้งเดิม (traditional classers) 2. ส่งเสริมการเรียนการสอนรายบุคคลในหลักสูตรให้มากขึ้น และ 3. ใช้ระบบการสอนที่สิ้นเปลืองงบประมาณน้อย(low cost) (Sees, and Glasgow, 1990 : 14)
ตารางที่ 6 ตัวอย่างระดับผู้ชำนาญการในงานออกแบบการเรียนการสอน
ระดับพื้นฐาน : ผู้ออกแบบการเรียนการสอนทำงานในส่วงของโครงการ ภายใต้ทิศทางของผู้ออกแบบคนอื่นๆ การทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อปรับปรุงการเรียนการสอนที่มีอยู่ ผู้ออกแบบการทำงานในโครงการเล็กๆ หรือทำในส่วนหนึ่งของโครงการ
ระดับกลาง : ผู้ออกแบบการเรียนการสอนรับผิดชอบในการพัฒนารายวิชา กรทอรับผิดชอบโครงการใหญ่ที่ออกแบบซ้ำ (Redsign) ผู้ออกแบบอาจจะเป็นหัวหน้าทีมในโครงการขนาดเล็กหรือขนาดกลาง
ระดับก้าวหน้า : ผู้ออกแบบการเรียนการสอนเกี่ยวข้องอย่างมากในการจัดโครงการและเขียนโครงร่าง (Proposal writing) ผู้ออกแบบอาจจะชี้นำการประเมินผลตามความต้องการจำเป็น (Direct need assessment) หรือประเมินผลการศึกษา ซึ่งต้องตัดสินทิศทางของโครงการ ผู้ออกแบบนิเทศ ผู้นำทีมและผู้ออกแบบสามารถที่จะทำหน้าที่ตรวจสอบโครงการใหญ่ได้
|
ที่มา : Barbara Seels, and Zita Glasgow, Exercises in instructional Design (Columbus, Ohio) Merrill Publoshing Company, 1990), p. 9.
2.ผลิตผลของการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นงานที่ตั้งสมมติฐานไว้ หรืองานในหน้าที่เกี่ยวข้องกับความหลากหลาย ของผลิตผลก็ตาม จะมีขอบเขตที่แตกต่างและซับซ้อน งานการออกแบบการเรียนการสอนก็เช่นกัน ขอบเขตรวมถึงความแตกต่างของขนาดและเนื้อหาความซับซ้อนรวมถึงความแตกต่างของหลักสูตร หรือสื่อ ในระดับที่เล็กที่สุดของขอบเขต คือ แผนการสอน (lesson plans) และหน่วยหรือชุดโมดุล (modules) ระดับต่อไปรวมถึงรายวิชา (courses) และหน่วย (unit) รายวิชาหลักสูตรและสิ่งแวดล้อม เป็นตัวอย่างของผลิตผลที่มีขอบเขตกว้างใหญ่ ระดับสูงสุดของระดับความซับซ้อน คือ สื่อการเรียนรู้ ซึ่งมีปฏิกิริยาสัมพันธ์ซึ่งกันและกันโดยอาศัยสื่อทางโทรคมนาคม และคอมพิวเตอร์เข้าช่วย ระดับ ต่ําสุดของความซับซ้อน คือ กระดาษและดินสอน และสําหรับโสดทัศนวัสดุ เป็นระดับกลางของความซับซ้อน (Seels, and Glasgow, 1990 : 14)
ทางเลือกการออกแบบการเรียนการสอนหลาหลายไปตามสถานการณ์ (Settings) งาน (Job) และผลิตผล (Products) ดังปรากฏในภาพที่ 1 แต่ละเซลล์ (Cell) ในภาพจะเป็นมาตรฐานสำหรับตำแหน่งการออกแบบการเรียนการสอนและความจำกัดของตำแหน่งนั้น
ที่มา : Barbara Seels, and Zita Glasgow, Exercises in instructional Design (Columbus, Ohio) Merrill Publoshing Company, 1990), p. 17.
สรุปได้ว่า งานผลิตของการออกแบบกาเรียนการสอน ผู้ออกแบบการเรียนการสอนบางครั้งทำหน้าที่เป็นผู้ชำนาญการ บางครั้งเป็นผู้ปฎิบัติการที่มีสมรรถภาพ เป็นผู้นิเทศ เป็ผู้ชำนาญการด้านสื่อ เป็นนักเทคโนโลยีการสอน เป็นผู้จัดการเรียนการสอน ผลิตผลของการออกแบบการเรียนการสอน เช่น แบบการสอน ชุดการสอนรายวิชา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ กาเรียนการสอนด้วยตนเองโดยอาศัยคอมพิวเตอร์เป็นพื้นฐาน หลักสูตร และแบบฝึกปฎิบัติ
สมรรถภาพของผู้ออกแบบการเรียนการสอน
การออกแบบการเรียนการสอนเป็นกระบวนการทางเชาว์ปัญญา ที่ต้องการทักษะความคิด ในระดับสูง (Nelson, Macliaro and Sherman, 1998 : 29-35) ในการปฏิบัติกิจกรรมนี้จําเป็นต้อง เกี่ยวข้องกับทักษะ และความถนัดตลอดจนการฝึกอบรมและการศึกษา วอลลิงตัน (Wallington, 1981 : 28-33) ได้ให้รายการทักษะที่จําเป็นในการปฏิบัติการออกแบบการเรียนการสอน ซึ่งเป็นทักษะ ระหว่างบุคคล ทักษะในการสื่อสาร ทักษะในการแก้ปัญหา และทักษะในการสกัดและดูดซึม สารสนเทศ และทําให้สิ่งเหล่านั้นอยู่ในกรอบของความมีเหตุมีผล การประยุกต์หลักการทาง พฤติกรรมศาสตร์ และการค้นหาสารสนเทศที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบในระบบ ในการพัฒนา สมรรถภาพของการออกแบบการเรียนการสอน ผู้พัฒนาพยายามที่จะปรับปรุงความถนัดพื้นฐานใน สาขาของตน เช่น การเขียนและการเรียบเรื่องทักษะต่างๆ จากการทํางานอย่างต่อเนื่องในสาขาที่คนมี สมรรถภาพทางวิชาชีพนั้น
1. ความถนัดของบุคคล การออกแบบการเรียนการสอนต้องอาศัยความถนัด (Apitude) ด้วยผู้ออกแบบการเรียนการสอนจำเป็นต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถในการคิดทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรม งานการออกแบบที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบความคิดที่มีความคงเส้นคงว่า มีเหตุมีผล ในเวลาเดียวกันนักออกแบบก็ต้องมองดูสิ่งที่เป็นเรื่องทั่วๆไป และสิ่งที่เป็นนามธรรมด้วย อย่างไรก็ตามนักออกแบบต้องให้ความสนใจกับรายละเอียดอย่างเต็มที่โดยตลอด เพื่อผลิตผลที่มีคุณภาพด้วยเหมือนกัน
กาเย่ ได้พรรณนาคุณลักษณะบุคคลของนักเทคนิคการออกแบบการเรียนการสอนไว้ 3 ประเภท คือ 1. เจตคติหรือค่านิยม(Attitude or values) 2. ความรู้เฉพาะทาง (Specialized knowledge) และ 3. ทักษะเชาว์ปัญญา (Intellectual skills) หรือวิธีการ (Methodologies) นักออกแบบจำเป็นต้องให้คุณค่ากับการสังเกตที่ปรากฎชัดเป็นพื้นฐานสำหรับการกระทำและจำเป็นต้องสามารถวิเคราะห์ผลที่ได้รับจกการเรียนรู้และสถานการณ์การเรียนรู้ ใช้เทคนิคการวัดผลและสร้างแบบทดสอบและมีทักษะทางสถิติและการติดต่อสื่อสารด้วย
2. ประกาศนียบัตร เราจำเป็นต้องรู้ถึงสมรรถภาพของนักออกแบบการเรียนการสอนตามความต้องการ เพื่อนที่จะได้เพิ่มพูนสมรรถภาพเหล่านั้น สมาคมเพื่อการปฎิบัติและการเรียนการสอนแห่งชาติ (The National Society for Perfomance and Innstruction) และแผนการพัฒนาการเรียนการสอนของสมาคมเพื่อการสื่อสาร และเทคโนโลยีการศึกษา (The Division of Instructional Development of Association for Educational Communication and Technology)ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ตั้งกรรมการดำเนินงานเพื่อสืบสวนความเป็นไปได้และความสามารถตามต้องการของการของการได้รับรอง(Certifying) นักออกแบบการเรียนการสอน
สรุปได้ว่า สมรรถภาพของผู้ออกแบบการเรียนการสอน ผู้ออกแบบการเรียนการสอนต้องมีความสามารถในการคิดทั้งเชิงรูปธรรมและนามธรรม มีความคงเส้นคงวา มีเหตุมีผล มีความถนัดมีความสนุกสนานในการทำงาน ในการสร้าแบบจำลอง มีความสามารถในการเขียนและการเรียบเรียง มีความเข้าใจในภาระ การทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ มีความรู้กว้างไกล ยอมรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ อดทนต่อข้อสงสัยของผู้อื่นที่มีต่องานของตน หรืออีกนัยหนึ่งคือ มีเจตคติ หรือค่านิยมที่ดีต่องาน มีความรู้เฉพาะทาง และมีทักษะเชาว์ปัญญาหรือวิธีการ รู้จักสังเกต วิเคราะห์ใช้เทคนิคการวัดผลและสร้าแบบสอบถาม ตลอดจนมีทักษะทางสถิติและการติดต่อสื่อสาร
อ้างอิง
พิจิตรา ธงพานิช. วิชาการออกแบบและการจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียน. นครปฐม : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยศิลปากร
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น